บทความโดยอาจารย์บรรจง บินกาซัน ประธานโครงการอบรมผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน

ภาพหัวกระโหลกมนุษย์พิลท์ดาวน์
มนุษย์
และสัตว์ต่างมีสมองเหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์ก็คือ
มนุษย์มีสติปัญญาที่เป็นพลังของสมองในขณะที่สมองของสัตว์ไม่มีพลังสติปัญญา
เพราะ
สติปัญญานี่เองที่ทำให้มนุษย์ตั้งคำถามกันมานานแล้วว่า
มนุษย์มีต้นกำเนิดมาจากไหน? มนุษย์มายังโลกนี้ได้อย่างไร?
มนุษย์มีสถานภาพอะไรในโลกนี้? และคำถามอื่นๆในทำนองนี้อีกมากมาย
แต่
คำถามประเภทนี้เกิดขึ้นน้อยนักในสมองของผู้นับถือศาสนาที่มาจากพระเจ้า เช่น
ศาสนายูดาย ศาสนาคริสต์และอิสลาม
เพราะคำสอนของศาสนาเหล่านี้ให้คำตอบตรงกันว่าพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา
และพระองค์ทรงส่งมนุษย์มายังโลกนี้เพื่อรับใช้พระองค์ หลังจากตาย
มนุษย์จะต้องกลับไปตอบพระองค์ว่าตัวเองทำอะไรไว้ในขณะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้
โลกของผู้ศรัทธาในพระเจ้าจึงไม่เสียเวลาไปกับการค้นหาหลักฐานมาแย้งกับความจริงดังกล่าวข้างต้น
แต่
เมื่อโลกเข้าสู่ยุควิทยาศาสตร์ที่มนุษย์หันหลังให้คำสอนของศาสนาและหันมา
นับถือวิทยาศาสตร์แทน
นักวิทยาศาสตร์ที่คนยุคใหม่นับถือเหมือนศาสดาพยายามจะหาทางลบล้างคำสอนของ
ศาสนาด้วยการสันนิษฐานว่ามนุษย์มีวิวัฒนาการมาจากลิง
ภาพหนังสือเรื่อง “The Origin of Species”

ภาพชาล์ ดาร์วิน
การสันนิษฐานนี้ได้กลายเป็นทฤษฎีวิวัฒนาการขึ้นมาเมื่อชาร์ลส ดาร์วิน
เขียนหนังสือเรื่อง “The Origin of Species” (ต้นกำเนิดเผ่าพันธุ์)
ออกมาหลังจากที่เขาสู้อุตส่าห์เดินทางไกลและใช้เวลายาวนานเพื่อหาคำตอบ
เรื่องที่มาของมนุษย์
หลังจากนั้นทฤษฎีของเขาได้ถูกนำไปเผยแพร่และสอนในสถาบันการศึกษาต่างๆทั่ว
โลก
แม้ทฤษฎี
ของเขามีคนสนับสนุนมากมายจนถึงกับมีการทำวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกนับร้อย
ฉบับ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานมาสนับสนุนว่าเป็นความจริง
ข้อโต้แย้งสำคัญต่อทฤษฎีของเขาคือ ถ้าหากว่ามนุษย์มีวิวัฒนาการมาจากลิง
อย่างน้อยที่สุดจะต้องมีซากโครงกระดูกที่เป็นช่วงต่อระหว่างลิงกับมนุษย์
เป็นหลักฐาน
เพื่อที่จะตอบคำถามที่ท้าทายนี้ หลักฐานเท็จเรื่องการค้นพบโครงกระดูกมนุษย์พิลท์ดาวน์จึงถูกสร้างขึ้น
ใน
ค.ศ. 1912
มีการพบหัวกะโหลกมนุษย์ที่มีกรามเหมือนกรามของลิงขนาดใหญ่ที่เมือง
พิลท์ดาวน์ในอังกฤษ โดยนักสะสมของเก่าคนหนึ่งชื่อชาร์ลส์ ดอว์สัน
หลังจากนั้นข่าวการค้นพบของเขาก็แพร่ออกไปทั่วโลกว่าหัวกะโหลกนั้นเป็น
“ช่วงต่อระหว่างลิงกับมนุษย์” และเป็น “ชาวอังกฤษยุคแรกที่สุด”

ภาพพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติอังกฤษ
ต่อ
มาหัวกะโหลกมนุษย์พิลท์ดาวน์ได้ถูกนำไปตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
ทางธรรมชาติของอังกฤษเพื่อแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของมนุษย์จนกระทั่ง ค.ศ.
1953
กะโหลก
มนุษย์พิลท์ดาวน์นี้สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ทฤษฎีวิวัฒนาการเป็นอย่างมาก
แต่ทฤษฎีของชาร์ลส ดาร์วิน
ไม่เพียงแต่พูดถึงวิวัฒนาการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
มันยังพูดถึงการคัดเลือกตามธรรมชาติที่ผู้แข็งแรงกว่าเท่านั้นที่อยู่รอด
ด้วย เมื่อทฤษฎีของเขาถูกนำมาใช้ในทางธุรกิจโดยเฉพาะในระบบทุนนิยม
มันส่งเสริมคนให้สร้างธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อทำลายธุรกิจที่เล็กกว่าและ
อ่อนแอกว่า เมื่อถูกนำมาใช้ในการเมือง มันส่งเสริมให้รัฐบาลสร้างอำนาจบาตร
ใหญ่เพื่อทำลายชาติเล็กที่อ่อนแอกว่า
และทำให้มนุษย์มองเห็นว่าการที่ผู้อ่อนแอถูกรังแกจนล้มหายตายจากไปนั้นเป็น
เรื่องธรรมชาติ
อย่าง
ไรก็ตาม ความเท็จไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ตลอดไปเหมือนความจริง
เมื่อวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้า
ประดิษฐกรรมและการค้นพบทางวิทยาศาสตร์นั่นเองที่พิสูจน์ว่า
กะโหลกมนุษย์พิลท์ดาวน์เป็นหลักฐานเท็จที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยการเอาหัวกะโหลก
ของมนุษย์กับกรามของลิงอุรังอุตังมาประกอบเข้าด้วยกันอย่างแนบเนียน
การ
พิสูจน์ด้วยวิธีการที่เรียกว่า “ฟลูออไรด์เทสต์” ทำให้นักวิทยาศาสตร์พบว่า
ความสามารถในการดูดซึมน้ำยาของกะโหลกส่วนบนกับกระดูกกรามมีความแตกต่างกัน
อย่างเห็นได้ชัด
นักวิทยาศาสตร์จึงยืนยันว่ากะโหลกส่วนบนและกระดูกกรามส่วนล่างเป็นของสิ่งมี
ชีวิตคนละเผ่าพันธุ์กัน
เท่า
นั้นเองพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติของอังกฤษจึงหน้าแตกและต้องยกเอา
กะโหลกมนุษย์พิลท์ดาวน์ออกไปจากที่ตั้งแสดงอย่างฉับพลันทันที
หลัง
จากสอบสวนหาต้นตอผู้สร้างเรื่องเท็จนี้ขึ้นมาเป็นเวลา 40 ปี
เจ้าหน้าที่สอบสวนพบว่า
เรื่องกะโหลกมนุษย์พิลท์ดาวน์นี้เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ภายในพิพิธภัณฑ์คน
หนึ่งซึ่งไม่พอใจเพื่อนร่วมงานด้วยกัน
จึงสร้างเรื่องเท็จขึ้นมาเพื่อกลั่นแกล้ง แต่เมื่อพบความจริง
พิพิธภัณฑ์ก็ไม่สามารถเอาผิดใครได้
เพราะผู้เป็นสาเหตุของเรื่องได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว
จะขุดเอาหัวกะโหลกของคนต้นเหตุมาตั้งแทนก็จะเป็นการประจานพิพิธภัณฑ์ไปเสีย
เอง
ปัจจุบัน
การสร้างเรื่องเท็จลวงโลกเช่นนี้ยังมีอยู่ในรูปแบบต่างๆเพื่อนำมาใช้เป็น
เหตุผลทางการเมือง เช่น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวหกล้านคนโดยฮิตเลอร์
การสะสมอาวุธทำลายร้ายแรงของซัดดัม ฮุสเซน
การถล่มตึกเวิลด์เทรดของกลุ่มอัลกออิด๊ะฮฺ
การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน เป็นต้น
http://www.oknation.net/blog/knowislam/2012/03/20/entry-1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น